วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การจัดการดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง

ลักษณะดินและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม


           มันสำปะหลังเป็นพืชหัว ผลผลิตที่ใช้ประโยชน์คือ  รากที่ใช้สะสมอาหาร  เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย  สภาพดินไม่มีนำ้ขัง  มีการระบายอากาศดี  มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (ph) ระหว่าง 5.5 - 8.0  มีความต้องการธาตุไนโตรเจน 10 - 20 กิโลกรัมต่อไร่  ฟอสฟอรัส 6 - 10  กิโลกรัมต่อไร่  และโพแทสเซียม  8 - 12  กิโลกรัมต่อไร่  มีอุณหภูมิระหว่าง  10 - 30 องศาเซลเซียส  ปริมาณนำ้ฝน 500 - 2,500 มิลลิเมตรต่อปี



พันธุ์มันสำปะหลัง


            พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์ระยอง 1  พันธุ์ระยอง 60  พันธุ์ระยอง 90 พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 อายุการเก็บเกี่ยวอยู่ระหว่าง  10-12 เดือน  โดยใช้ระยะปลูกดังนี้

            - พันธุ์ระยอง 1     ระยะปลูก  100 X 100  เซนติเมตร

            - พันธุ์ระยอง 60   ระยะปลูก   60 X 100   เซนติเมตร

            - พันธุ์ระยอง 90   ระยะปลูก   80 X 100   เซนติเมตร

            - พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50  ระยะปลูก   80 X 100 เซนติเมตร


การเตรียมดิน

           
             ทำการไถกลบและพรวนอย่างน้อย  2-3  ครั้ง  ลึกประมาณ  20-30 เซนติเมตร  เพื่อกลบซากพืชในฤดูก่อน และทำลายวัชพืชต่างๆ ให้ลดจำนวนลง  ถ้าพื้นที่มีความลาดชันต้องไถพรวนตามแนวขวาง เพื่อป้องกันการชะล้างของดิน และถ้าดินระบายนำ้ไม่ดี ต้องยกร่องปลูก และทำการปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดินและตัดวงจรการระบาดของโรค ปุ๋ยพืชสดที่นิยมใช้คือ  ถั่วพร้า  ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านหรือโรยเป็นแนวก่อนปลูกมะนสำปะหลัง แล้วทำการไถกลบเมื่ออายุตรบ  50  วันซึ่งเป็นระยะช่วงที่ออกดอก  และปล่อยให้ย่อยสลาย  15  วัน จึงเตรียมแปลงปลูกมันสำปะหลัง  หรือใช้ถั่วพุ่ม  อัตรา  8  กิโลกรัมต่อไร่  และทำการไถกลบเมื่ออายุ  40  วัน โดยทำวิธีการเดียวกับถั่วพร้า ในขณะเตรียมดินในการปลูกมันสำปะหลัง  ให้ฉีดพ่นสารอินทรีย์นำ้ที่ผลิตจากสารเร่ง พด.2 ในอัตรา 5 ลิตรต่อไร่ และนำมาเจือจาง 1:500  และก่อนปลูกมันสำปะหลัง ให้ใส่เชื้อจุลินทรีย์ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชระหว่างแถวที่จะปลูกในอัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อป้องกันโรคเน่าและลำต้นเน่าในมันสำปะหลัง



การปลูกมันสำปะหลัง

            โดยคัดเลือกต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่สมบูรณ์มีอายุแก่ตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป ตัดลำต้นเป็นท่อนความยาว 15-20 เซนติเมตร แล้วนำไปแช่ในปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่เจือจางด้วยน้ำในอัตราส่วน 1:500 หรือ 1:1,000 เป็นเวลา  24 ชั่วโมง แล้วปลูกในพื้นที่ที่เตรียมไว้ โดยนำท่อนพันธุ์ที่เตรียมไว้ปักลงในดินลึกประมาณ 2/3 ของท่อนพันธุ์ ควรระวังอย่าปักส่วนยอดลงดินเพราะตาจะไม่งอก ควรปักตรง 90 องศา หรือปักเฉียง  45 องศา กับพื้นดินให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันแแต่จะสะดวกในการกำจัดวัชพืช ง่ายแก่การเก็บเกี่ยว และให้ผลผลิตสูงกว่าการปลูกฝัง  10-15 เปอร์เซ็นต์


การปลูกพืชแซม

           หลังจากปลูกมันสำปะหลังได้ 15 วัน ให้ทำการปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น ถั่วพุ่ม  ถั่วพร้า โรยเป็นแถวแทรกระหว่างแถวมันสำปะหลังเพื่อป้องกันวัชพืช เมื่อพืชปุ๋ยสดอายุตรบ 50 วัน ให้ทำการตัดแล้วนำมาคลุมดินเพื่อรักษาความชื้นของดินและเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน

          ในกรณีพื้นที่ลาดชันหรือมีการชะล้างพังทะลายของดินควรปลูกแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยปลูกในช่วงฤดูฝน ควรปลูกตามแนวในระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ภายหลังจากที่ไถเตรียมดินแล้ว โดยขุดหลุมในร่องที่ไถไว้สำหรับเป็นแนวระดับยาวตามพื้นที่ให้แต่ละต้นห่างกัน 5 เซนติเมตร แฝกแนวต่อไปก็จะปลูกขนานกันกับแนวแรก โดยมีระยะห่างขึ้นกับความลาดชันของพื้นที่ เช่น ตามระยะตามแนวดิ่ง คือ 2 เมตร แนวรั้วหญ้าแฝก ณ ความลาดเอียง 5  10  และ 15  เปอร์เซ็นต์ จะอยู่ห่างกัน 40 เมตร 15 เมตร และ  10 เมตร ตามลำดับ  ควรระมัดระวังในการไถเตรียมดิน โดยให้รักษาแแนวแฝกไว้ นอกจากนี้ควรตัดใบแฝกอยู่ระดับ  30-50 เซนติเมตร และปลูกแฝกซ่อมแซมให้หนาแน่น แนวรั้วแฝกที่หนาแน่นจะช่วยชะลอ และกระจายน้ำไหลบ่าเพิ่มการแทรกซึมลงสู่ผิวดินรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน


การดูแลรักษา

             ทำการฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้พืชปุ๋ยสด ในทุก 7 วัน อัตรา 2 ลิตรต่อไร่ เจือจาง 1: 1,000 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชปุ๋ยสด และหลังจากปลูกมันสำปะหลัง 15 วัน ให้ฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้มันสำปะหลังทางใบและลำต้นหรือรดลงดิน ทุก 1 เดือนจนถึงระยะเก็บเกี่ยว กรณีที่ปลูกพืชแซมระหว่างที่ให้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้กับมันสำปะหลัง ควรฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้กับพืชตระกูลถั่วที่ปลูกแซมระหว่างแถวมันสำปะหลังด้วย หากเกิดการระบาดของโรคใบจุดสีน้ำตาล โรคใบจุดใหม้ ใบจุดขาว หรือแมลงต่าง ๆ เป็นต้น  ให้ใช้สารสกัดธรรมชาติหรือสารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ส่วนการกำจัดวัชพืชในช่วง 2-3 เดือนแรก สามารถกำจัดได้โดยวิธีกล


การจัดการดินหลังการเก็บเกี่ยว

           หลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ต้องตัดเหง้าและต้นออกแและรีบส่งหัวมันสดเข้าโรงงานทันที ส่วนลำต้นเก็บเอาไว้ทำพันธุ์ต่อไป ส่วนกิ่ง ก้าน ใบ และส่วนที่เป้นตอซัง ให้ไถกลบลงดินทุกครั้งหลังการเก็บเกี่ยว เป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้กับดิน และทำการปรับปรุงบำรุงดิน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ปุ๋ยพืชสด และใส่เชื้อจุลินทรีย์ป้องกันสาเหตุโรคพืช การใช้ปุ๋ยอินทรีย์์ตามคำแนะนำ จะสามารถช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือสามารถเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีการปฏิบัติเดิมของเกษตรกรได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์


         


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น