วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตำนาน ความเชื่อ เรื่องเพศ Vagina dentata

ว่าด้วยตำนาน ความเชื่อ เรื่องเพศ

Vagina dentata ยุคสมัยนั้นเปลี่ยนไป เมื่อก่อนก็ใช้เรื่องลึกลับ ความเชื่อต่างๆ เพื่อทำการขู่ และป้องปรามกัน แต่ สมัยนี้ เป็นยุคของข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ คนเราจึงไม่เกรงกลัว บาป บุญ คุณ โทษ กันอีกแล้ว

ว่าด้วยเรื่อง Vagina dentata

  • Vagina dentata เป็นภาษา ลาติน แปลว่า Vagina แปลว่าช่องคลอด ส่วน dentata ก็เห็นอยู่ตามหน้าร้านหมอฟัน แปลว่า ฟัน
  • ความ เชื่อในเรื่อง อวัยวะเพศหญิงมีฟัน นี้มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม เพื่อเป็นการป้องปราม ว่าการไปมีสัมพันธ์กับหญิงไม่เลือก การไปข่มขืนหญิงอื่น คุณอาจพบกับ หญิงสาวประหลาด ที่มีอวัยวะเพศที่มีฟัน แล้วงับน้องชายขาดก็ได้
  • ตำนานกล่าวไว้ว่า มี Terrible Mother ที่ช่วงล่างของเธอมีปลากินเนื้ออาศัยอยู่ เธอถูกผู้กล้าที่เป็นมนุษย์หนุ่มปราบลง และถูกทำการถอนฟันทั้งหมดออกช่วงล่างของเธอ เพื่อทำให้เธอเป็นมนุษย์ผู้หญิงธรรมดา
  • บางตำนาน กล่าวไว้ว่า ผู้กล้าไม่ได้ทำการถอนฟันจนหมด แต่เหลือไว้ 1 ซี่ (มันเป็นอย่างนี้ เองเข้าใจแล้ว)

เรื่องราวนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Teeth (ภาพโปรเตอร์ เรื่อง Teeth)

คาดว่าเรื่องราวดังกล่าวน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ ผู้ออกแบบถุงยางป้องกันการข่มขืนด้วยไม่มากก็น้อยมั้ง

บ้าง ก็มีการโยงเรื่อง Vagina dentata กับ โลโก้กาแฟชื่อดัง Starbucks (เงือก 2 หาง) หางแต่ละข้างแทนขามนุษย์ โดยโลโก้นี้ถูกโจมตีว่ามีการสื่อถึงทางเพศ ทั้งการเปลือยอก การใช้มืออ้าหางออก และมันก็เป็นอะไรที่สอดคล้องกับการที่มีปลาอาศัยอยู่ ที่ช่วงล่าง หรือถ้าไม่ใช่ปลา ก็เป็นเกล็ดปลา และใครที่มีอะไรกับนางเงือกในตำนานฝรั่งก็มักจะตาย

ข้อมูลอ้างอิง
อ้างอิงในส่วน เนื้อหา vagina dentata
http://en.wikipedia.org/wiki/Vagina_dentata

อ้างอิงในส่วน ถุงยางกันข่มขืน
http://io9.com/5568455/vagina-dentata-condom-distributed-at-the-world-cup

อ้างอิงในส่วน โลโก้สตาร์บักส์
http://vanishingnewyork.blogspot.com/2008/04/starbucks-vagina-dentata.html




โถปัสสาวะ ไอเดียสุดเจ๋ง เพื่อสิ่งแวดล้อม ( Urinal and Sink )

เดิ๋ยวนี้อะไรๆ ก็ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Urinal โถฉี่ เองก็ต้องปรับตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะดีแต่สวยอย่างเดียวมัน Out เสียแล้ว
  • โถปัสสาวะนี้ออกแบบโดย Yeongwoo Kim
  • โดยหลักในการออกแบบคือ การนำน้ำที่ใช้ในการล้างมือจากอ่างล้างมือด้านบนโถฉี่ มาเป็นนำที่ใช้ล้างโถฉี่ด้านล่าง
  • โถ ฉี่นี้ไม่เพียงแต่ ประหยัดน้ำแต่มันยัง ประหยัดพื้นที่ จากแต่ก่อนที่จะเสียพื้นที่ไปสำหรับทั้งโถฉี่ กับอ่างล้างมือ มาเหลือเพียงพื้นที่สำหรับ โถฉี่อย่างเดียว
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://www.toxel.com/tech/2010/08/28/urinal-and-sink-combo/



คางคก ที่ เลี้ยงลูกไว้ที่ผิวหนัง ( Surinam toad )

คางคก ที่ เลี้ยงลูกไว้ที่ผิวหนัง

Surinam toad คางคกสุรินัม มันเป็นอะไรที่แปลกโคตรๆ จะไม่แปลกได้อย่างไรในเมื่อพวกมัน เลี้ยงลูกไว้ในผิวหนัง

รายละเอียดเกี่ยวกับ คางคกสุรินัม


  • คางคกสุรินัม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pipa pipa
  • คางคก สุรินัม มีอีกชื่อหนึ่งว่า คางคกนิ้วดาว เนื่องจากพวกมันมีพังพืดเชื่อมระหว่างนิ้วเท้าหน้าขนาดเล็ก ทำให้นิ้วเท้าแยกจากกันจนมีลักษณะคล้ายนิ้วแยกเป็น แฉกเหมือนดาว
  • คางคกสุรินัม มีถิ่นอาศัย ทางตอนเหนือ ของ อเมริกาใต้
  • บางครั้งพบคางคกพวกนี้มีลักษณะลีบแบนเหมือนใบไม้ แต่เมื่อมีอาหารอุดมสมบูรณ์พวกมันจะุรูปร่างอ้วน
  • คางคก สุรินัม มีลำตัวมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยม ส่วนหัวเป็นสามเหลี่ยม มีสีเทาถึงสีน้ำตาลเข้ม ขนาดใหญ่ได้ถึง 20 เซ็นติเมตร แต่โดยทั่วไปจะมีขนาด 10-13 เซ็นติเมตร
การขยายพันธุ์ของ คางคกสุรินัม

  • เมื่อระดับน้ำมีการเพิ่มสูงขึ้น และอุณหภูมิเริ่มเปลี่ยนแปลง จะเป็นสัญญาณให้ คางคกสุรินัมเริ่มขยายพันธุ์
  • ตัวผู้จะส่งเสียงคลิก โดยการเคาะกระดูกไฮออยด์(Hyoid Bone) ในลำคอ เพื่อเป็นการเรียกหาตัวเมียใต้น้ำ
  • เมื่อพวกมันจับคู่กันได้ ตัวผู้จะจับตัวเมียในตำแหน่งด้านหน้า ของ ขาหลัง
  • พวกมันจะว่ายน้ำเป็นวงกลม จากใต้น้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ หลายรอบ
  • โดยเมื่อหลังของตัวเมียใกล้ผิวน้ำ ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมา 3-6 ฟอง เพื่อผสมกับน้ำเชื้อของตัวผู้
  • พวกมันจะวางไข่ประมาณ 60 - 100 ฟอง และตัวผู้จะเป็นผู้นำไข่ผสมกับน้ำเชื้อ และนำไปวางบนหลังของตัวเมีย
  • เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมง หลังของตัวเมียจะเริ่มบวม
  • เมื่อเวลาผ่านไป 10 วันไข่จะฟักเป็นลูกอ๊อต อาศัยอยู่ในผิวหนังของ คางคกตัวเมีย
  • เมื่อ เวลาผ่านไป 10 - 20 อาทิตย์ ลูกอ๊อตจะโตเป็น กบ ที่มีขนาดเล็ก ประมาณ 2 เซ็นติเมตร พวกมันจะเริ่ม ออกจากผิวของแม่ เพื่อไปเผชิญโลกโดยลำพัง
คลังภาพคางคกสุรินัม


กบสุรินัม ในช่วงปกติจะมีร่างกายผอมแบนคล้ายใบไม้ หรือซากกบแห้ง


เมื่อไข่ปฏิสนธิ ไข่จะสุกคล้ายเม็ดสาคู บนหลังคางคกตัวเมียดังภาพ


จะเห็นว่า หลังของแม่คางคก จะมีตุ่มเล็กๆสีดำ ก็คือลูกคางคก และที่เห็นเป็นเส้นเล็กชี้ขึ้นมาก็คือ ขาหน้าของลูกคางคก

ข้อมูลอ้างอิง คางคกสุรินัม
อ้างอิงในส่วนเนื้อหา
http://en.wikipedia.org/wiki/Surinam_toad

อ้างอิงในส่วนเนื้อหา การผสมพันธุ์
http://blogs.thatpetplace.com/thatreptileblog/2008/11/07/breeding-a-skin-brooding-amphibian-the-surinam-toad-pipa-pipa/

อ้างอิงในส่วน รูปภาพ
http://www.arkive.org/suriname-toad/pipa-pipa/image-G77526.html




กบขน กบประหลาด มีขนตามลำตัว ติดอาวุธ เล็บแมว (Hairy Frog)

กบประหลาด สุดสยอง

หาก จะกล่าวถึงกระประหลาด และแปลกที่สุดคงจะไม่กล่าวถึง กบขน นั้นไม่ได้แน่ ทำไมก็ธรรมดาถ้านึกถึง กบ ก็คงต้องนึกถึงอะไรที่ผิวเรียบๆลื่นๆ แต่ถ้าพวกมัน กับ ปกคลุมไปด้วยขน แถมมีกงเล็บแหลมคม ที่ซ่อนไว้ในนิ้วเหมือน วูล์ฟเวอรีน ใน X-men มันชักจะไม่ธรรมดาซะแล้วใช่ไหม

รายละเอียดเกี่ยวกับ กบขน

  • กบขน(Hairy Frog)มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า(Trichobatrachus robustus)
  • กบขนมีถิ่นที่อยู่อาศัยในตอนกลางของ ทวีปแอฟริกา
  • ปัจจุบัน ถูกคุกคาม และล่าอย่างหนัก โดยชาวแคเมอรูน จะนำพวกมันไปย่างกิน โดยใช้หอกยาวแทง เพื่อป้องกันการถูกพวกมันทำร้ายด้วยกรงเล็บแหลมคมของพวกมัน
  • จากตัวอย่างที่มีหลงเหลืออยู่ กบขน มีขนาดร่างกายยาวประมาณ 11 เซ็นติเมตร มีหัวใหญ่แผ่ออกทางกว้างมากกว่าทางยาว จมูกค่อนข้างมนกลม
  • ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย
  • สิ่ง ที่สามารถเห็นได้อย่างโดดเด่นของพวกมันก็คือ เส้นขน ที่โดยแท้จริงแล้วสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ ขน แต่เป็นผิวหนังที่ยื่นยาวออกมาของกบเพศผู้ในช่วงผสมพันธุ์ โดย บริเวณผิวหนังที่ยื่นยาวมาคล้ายขนนี้จะมีเส้นเลือดแดงจำนวนมากในบริเวณนั้น และไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่า ผิวหนังที่มีลักษณะคล้ายขนนี้มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร แต่ คาดว่ามีเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวให้มากขึ้นเพื่อให้ออกซิเจนซึมผ่านผิวหนังได้ ดีขึ้น
  • แต่สิ่งที่ทำให้มันโด่งดัง และสร้างความสงสัยยิ่งให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่สุดก็คือ กงเล็บของ พวกมัน ที่จะเป็นกระดูกฝังอยู่ในผิวหนัง กงเล็บเหล่านี้เชื่อมต่อด้วยกล้ามเนื้อ และจะแทงทะลุผิวออกมาเมื่อพวกมันถูกคุกคาม หรือทำให้ตกใจ เพื่อใช้ปัองกันตัว แต่ ก็มีบางแนวที่คิดว่ากงเล็บนี้มีไว้สำหรับ เพื่อให้พวกมันปีนป่ายได้ดีอย่างมั่นคง
คลังภาพ


จะเห็นว่าที่ปลายนิ้วของ กบขน จะมี กงเล็บ แหลมคมแทงทะลุผิวหนังออกมา

อันนี้ สแกนให้ดูกันชัดๆไปเลยถึง ลักษณะกงเล็บของพวกมัน

นี้คือ หอก ที่ชาวแคเมอรูน ใช้ในการล่ากบขน และในมือขวาของเขาก็คือซาก กบขน

ข้อมูลอ้างอิง
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Hairy_Frog
  • http://www.newscientist.com/article/dn13991-horror-frog-breaks-own-bones-to-produce-claws.html



พลาสเตอร์ปิดแผล อัจฉริยะ (intelligent plasters)

สิ่งประดิษฐ์ สุดเจ๋ง

ใช้ พลาสเตอร์ปิดแผล ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลสกปรก ติดเชื้อ แต่ หากไม่รักษาความสะอาด ไม่มีการเปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลอย่างสม่ำเสมอตามเวลาที่กำหนด พลาสเตอร์อาจจะเป็นแหล่งเชื้อโรคเสียเอง

รายละเอียดเกี่ยวกับ พลาสเตอร์ปิดแผล อัจฉริยะ

  • โดยปกติผิวหนังของร่มนุษย์จะมีค่า pH ต่ำกว่า 5 คือมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ
  • นักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์ พลาสเตอร์ปิดแผลอัจฉริยะ ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อ แผลอยู่ในสภาพที่มีความเสียงในการจะติดเชื้อ
  • พลาสเตอร์ นี้จะเปลี่ยนสีจากสีเหลือง เป็น สีม่วง เมื่อ ค่า pH มีค่าอยู่ระหว่าง 6.5 ถึง 8.5 เป็นสภาวะที่มักจะเกิดการติดเชื้อขึ้นของบาดแผล
  • พลาสเตอร์ อัจฉริยะนี้ ประดิษฐ์โดย สถาบันวิจัย the Fraunhofer Research Institution for Modular Solid State Technologies ประเทศเยอรมัน
  • โดยหัวหน้างาน วิจัย ด็อกเตอร์ Sabine Trupp ได้กล่าวไว้ว่าทีมงานได้พัฒนาสีย้อมที่จะเกิดปฏิกริยาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ค่า pH แล้วทำการย้อมติดไว้ที่ พลาสเตอร์ปิดแผล
  • เมื่อแผลไม่เกิดการติดเชื้อก็จะหายเร็วขึ้น ไม่เกิดอาการแทรกซ้อน และไม่เกิดแผลเป็นรุนแรง
  • การทดสอบในเบื้องต้นผ่านไปได้อย่างดี
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://www.dailymail.co.uk/health/article-1330415/Intelligent-plasters-turn-purple-wound-healing-properly.html



เพราะรักจึงยอมเปลี่ยนแปลง ของ ปลาการ์ตูน ( Clown fish )

เพราะรัก จึงยอมแปลงเพศ

Clown fish ปลาการ์ตูน เราอาจจะนึกถึง ปลาดีโม่ ของ ดิสนี่ย์ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ความรักของพวกมันนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก

รายละเอียดเกี่ยวกับ ความรักของปลาการ์ตูน

  • ปลาการ์ตูนอยู่กันเป็นฝูง โดยใช้ดอกไม้ทะเลเป็นบ้าน และเครื่องป้องกันตัวจากสัตว์นักล่า เป็นสิ่งที่เรารู้ๆกันอยู่
  • ปลาการ์ตูน มีสีส้มสับขาว ก็ที่เรารู้ๆกันอยู่
  • แต่สิ่งที่แปลกของปลาการ์ตูนก็คือ เรื่องราวการครองคู่ของพวกมัน
  • โดยแรกเริ่มที่พวกมันฟักออกมาจากไข่ พวกมันยังอยู่ในช่วงไร้เพศ
  • เมื่อ พวกมันเข้าไปอาศัยอยู่ในดอกไม้ทะเล และมีการจัดตั้งเป็นฝูงจะเริ่มมีการลำดับชั้นภายในฝูง โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยตัวที่แข็งแรงที่สุดใหญ่ที่สุดจะพัฒนาไปเป็น ปลาการ์ตูนเพศเมียเพียงตัวเดียวในฝูง คือ มีรังไข่ (ตัวเมียคือตัวที่ใหญ่ที่สุด และสีสันไม่สดใส)
  • ส่วนปลาการ์ตูน ที่มีขนาดใหญ่รองลงอันดับที่ 2 จะพัฒนาเป็นเพศผู้สมบูรณ์ คือ มี สเปริ์ม
  • ส่วนปลาการ์ตูน ที่เหลือจะเป็นเพศผู้ไม่สมบูรณ์ คือ ไม่มีน้ำเชื้อ ผสมพันธุ์ไม่ได้ (ไร้น้ำยา)
  • แต่ สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นยังไม่จบสิ้น หากฮาเร็มแห่งนี้ เกิดตัวเมียเจ๊ใหญ่ตายขึ้นมา ตัวผู้ขั้นสมบูรณ์ หรือ ตัวผู้ไร้น้ำยาที่ต่อสู้ชนะตัวผู้ขั้นสมบูรณ์ จะได้รับสิทธิ์ในการเปลี่ยนเพศเป็น ตัวเมีย ตัวใหม่ขึ้นครอบครอง ฮาเร็ม แห่งนี้ตัวใหม่
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Clownfish



แมลงประหลาด มีหัวเป็น ถั่วลิสง (Peanut-Head bug )

แมลงประหลาด

จะ ไม่เป็นแมลงประหลาดได้อย่างไร ในเมื่อมันมีหัวเหมือนถั่วลิสง แล้วทำไมมันจึงต้องมีหัวที่มีรูปร่างประหลาดเช่นนี้ ทั้งที่มันดูเกะกะเสียมากกว่าในการดำเนินชีวิต ของ พวกมัน


รายละเอียดเกี่ยวกับ แมลงประหลาด

  • แมลงประหลาดนี้อยู่ในวงศ์(Family) Fulgoridae ในตระกูล(Homoptera)
  • แมลงในวงศ์ Fulgoridae จะมีลักษณะเด่นคือส่วนหน้าของหัว ที่มีขนาดใหญ่คล้าย ถั่วลิสง ซึ่งทำให้เป็นที่มาของชื่อพวกมัน
  • พวกมันมีขนาดเมื่อโตเต็มวัย ยาวประมาณ 8 เซ็นติเมตร
  • พวกมันไม่กัด มีปากเป็นหลอดเล็กไว้ดูน้ำเลี้ยงพืช ไม่มีอันตราย ไม่มีอาวุธที่จะปกป้องตัวเองเลย ทำให้หัวขนาดใหญ่ถ้าจึงเป็น อวัยวะสำหรับป้องกันตัวของพวกมัน โดยใช้ลวงเหล่านักล่า
  • เหล่านักวิทายาศาสตร์ คาดการณ์ว่าหัวรูปร่างประหลาดนี้ มีไว้เพื่อให้นักล่า เข้าใจผิดคิดว่าหัวขนาดใหญ่นี้คือ หัวกิ้งก่า หรือ หัวงู ทำให้นักล่ากินแมลงล่าถอยเมื่อพบพวกมัน
  • แต่ จักจั่นหัวถั่วลิง ลงยังมีรูปแบบการป้องกันตัวอื่นอีก เช่น บนด้านหลังปีกของพวกมันมีจุดวงกลมขนาดใหญ่สีแดงดำ ทำให้เหมือนดวงตาขนาดใหญ่ เมื่อพวกมันกางปีก ทำให้นักล่าที่จะลอบโจมตีทางด้านหลัง ต้องชะงักไปเนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่า กำลังถูกสัตว์ขนาดใหย่จ้องอยู่
  • แต่ ยังยังไม่หมด ถ้าการลวงทั้งหมดยังใช้ไม่ได้ผล พวกมันยังสามารถพ่นสเปย์ ที่มีกลิ่นที่เหม็นสุดทน เหมือน สกั้ง(Skunk) คงไม่มีใครอยากกินอะไรที่กลิ่นเหม็นสุดยอดเช่นนี้
  • ในบางพื้นที่ยังมีความเชื่อผิดๆว่า หัวขนาดใหญ่ของพวกมันสามารถเปล่งแสงได้ เหมือนโคมไฟในเวลากลางคืน

เมื่อ จักจั่นหัวถั่วลิสงกางปีก จะเหมือนมีดวงตาขนาดใหญ่กำลังจ้องมองอยู่

ข้อมูลอ้างอิง
  • http://ambergriscaye.com/photogallery/090806.html
  • http://picasaweb.google.com/lh/photo/yaKEUkbW1-VLiwFHeXInUA



ภาระกิจรัก ลับ ลวง พราง ของ น้องปลา

บทรักพิศดาร ลับ ลวง พราง ของ น้องปลา

ตาม กฎการคัดสรรของธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแรง ผู้ที่ดีที่สุด นั้นย่อมจะได้รับโอกาสในการส่งถ่ายทอดพันธุ์กรรมที่ดีของมันก่อน ยิ่งในโลกของสัตว์ ผู้ที่แข็งแรง ย่อมได้เปรียบในการต่อสู้ และมีโอกาสจะได้ผสมพันธุ์ก่อน แต่ มันไม่แน่เสมอไป

รายละิเอียด ภาระกิจ ลับ ลวง พราง

  • ข้อยกเว้นนี้นั้นเกิด กับ มนุษย์ ผู้แข็งแรงไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกเสมอไป มันมีตัวแปรเรื่อง รูปหน้าตา เงินทอง คารม มาเกี่ยวข้อง
  • แต่ สำหรับปลาบางชนิด ผู้แข็งแรงนั้นกับตกเป็นเหยื่อของผู้อ่อนแอ เนื่องจากการใช้ เล่ห์กล และการหลอกลวง ดังจะได้พบในปลา bluehead wrasse
  • เหล่าปลา Bluehed wrasse ตัวผู้จะมีทั้งแบบ ใหญ่ล่ำ และเตี้ยสั้น
  • พวกเตี้ยสั้น นั้นมีรูปร่าง สีสันเหมือนเพศเมีย
  • แน่นอนเมื่อ เพศผู้เตี้ยสั้น เหมือนเพศเมีย เหล่าตัวผู้ใหญ่ล่ำย่อมเข้าใจผิดว่าพวกมันเป็นเพศเมียบ้างเป็นธรรมดา
  • เหล่าเพศผู้ใหญ่ล่ำที่เข้าใจผิดจะเข้า ตุ๋ย เหล่าเพศผู้เตี้ยสั้น
  • แต่ ใช่ว่าพวกเพศผู้เตี้ยสั้นจะยอมให้ ตุ๋ย กันฟรีๆ ในระหว่างการถูกตุ๋ยอยู่นั้น เพศผู้เตี้ยสั้นจะ ถูกสอดแทรกน้ำเชื้อของพวกเตี้ยล่ำเข้าอวัยวะเพศของ เพศผู้ใหญ่ล่ำ
  • เมื่อเพศผู้ใหญ่ล่ำ ไปผสมพันธุ์ กับ เพศเมียตัวจริง เชื้อของพวกเตี้ยสั้นก็จะมีโอกาสได้ผสมกับไข่ของเพศเมียด้วยเช่นกัน
  • โดยพฤติกรรมนี้มีชื่อเรียกว่า ยุทธการลับลวงพรางแอ๊บแมน (sneaky primary males)
  • โดยในภาพจั่วหัวตัวผู้พวกใหญ่ล่ำคือตัวที่มีสีฟ้าสด ส่วนตัวเมีย และตัวผู้เล็กสั้น จะเป็นพวกสีเหลืองล้วน
  • ช่างเป็นอุบายที่เอาตัวเข้าแลกจริงๆ
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://www.cosmosmagazine.com/news/643/crowds-cause-sex-change





งูประหลาด จาก ญี่ปุ่น ทซึฉิโนะโกะ (Tsuchinoko)

งูประหลาด

Tsuchinoko ทซึฉิโนะโกะ เป็น งูประหลาด สัตว์ประหลาด ที่มีรูปร่างแปลกประหลาดดังภาพ คือ มีลำตัวป่องกลางขนาดใหญ่ไม่สมส่วนกับส่วนหัว และส่วนหาง มีการกล่าวอ้างถึงการพบเห็นพวกมันที่ประเทศ ญี่ปุ่น บ่อยครั้ง

รายละเอียดเกี่ยวกับ ทซึฉิโนะโกะ

  • ทซึฉิโนะโกะ เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นคือ ツチノコ ซึ่งแปลว่า Hammerspawn
  • ทซึฉิโนะโกะ ถูกกล่าวอ้างว่ามีการพบเห็นได้ตามทางตะวันตก ของ ญี่ปุ่น ใน เขต คันไซ(Kansai) และ ชิโคกุ(Shikoku)
  • ทซึฉิโนะโกะ มีรูปร่างแปลกประหลาด คือ มีรูปร่างคล้ายจะเป็น งู แต่ มีหัว และหางเล็กมากเมื่อเทียบกับ ลำตัวส่วนกลาง ลำตัวยาว 30 - 60 เซ็นติเมตร มีเขี้ยว และเป็นสัตว์มีพิษ
  • บ้างกล่าวอ้างว่าพวกมันสามารถกระโดดได้ไกลเป็นระยะทาง กว่า เมตร
  • บ้างก็กล่าวอ้างว่า พวกมันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แถมชอบพูดโกหกอีกต่างหาก และพวกมันยังหลงในรสชาติของสุราเมไร เป็นที่สุด
  • บ้างก็กล่าวอ้างว่า มันชอบงับหางตัวเองแล้ว ม้วนตัวเป็นวงกลม ทำให้บางครั้งมันถูกเรียกว่า งูห่วง(Hoop snake)
  • ทซึ ฉิโนะโกะ นั้นกับมีรูปร่าง ละม้ายคล้าย กับ กิ้งก่าลิ้นสีน้ำเงิน (Blue-tongued skinks) ที่มีรูปร่างป้อมอ้วน ขาสั้นเล็ก พบได้ในทวีป ออสเตรเลีย โดยลิ้นสีน้ำเงินขนาดใหญ่ของพวกมันมีประโยชน์สำหรับ ขู่ สัตว์ที่จะเข้ามาทำร้ายพวกมัน
  • แต่ กิ้งก่าลิ้นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สัตว์ที่มีในญี่ปุ่น ทซึฉิโนะโกะ อาจจะเป็นเพียง งูที่กินเหยื่อขนาดใหญ่เข้าไปทำให้ลำตัวป่องตรงกลาง
ภาพกิ้งก่าลิ้นสีน้ำเงิน

นัก วิทยาศาสตร์ที่ปรึกษา ของ NBS กล่าวอ้างว่าบางที ทซึฉิโนะโกะ อาจจะเป็นเพียง หนอนแก้ว ของ ผีเสื้อกลางคืน ที่มีลวดลาย คล้ายงู ที่มีไว้ป้องกันตัวจากนักล่า ดังในภาพ อย่างเช่น หนอนแก้วหัวงู

ข้อมูลอ้างอิง
อ้างอิงในส่วน งูประหลาด ทซึฉิโนะโกะ
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Tsuchinoko
อ้างอิงในส่วน กิ้งก่าลิ้นสีน้ำเงิน
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Blue-tongued_skink





ไม่ง้อผู้ชาย ไม่ง้อผสมเทียม ไม่ต้องมีเซ็กส์ ก็มีลูกเองก็ได้ (Whiptail Lizard)

โอ๊ย! อะไรมันจะหยิ่งขนาดนี้

วันนี้มีเรื่องการขยายพันธุ์ ของสัตว์ที่แปลกเป็นที่สุด สำหรับ สัตว์มีกระดูกสันหลัง คือ พวกมันขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

รายละเอียดเกี่ยวกับ จิ้งแหลนหางแส้

  • จิ้งแหลนหางแส้(Whiptail Lizard) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cnemidophorus
  • จิ้งแหลนหางแส้ พวกมันมีเฉพาะเพศเมียเท่านั้น สายพันธุ์ของพวกมันไม่มีเพศผู้แม้แต่ตัวเดียว (แล้วมันขยายพันธุ์อย่างไร?)
  • จิ้ง แหลนหางแส้ ใช้ขบวนการที่เรียกว่า การกำเนิดอันบริสุทธิ์(Parthenogenesis ซึ่งมาจากภาพกรีซ 2 คำคือ παρθένος parthenos, "virgin", + γένεσις genesis, "birth") ซึ่งการขยาพันธุ์ในลักษณะนี้จะพบได้ใน ผึ้ง และตัวไรต้นไม้ แต่ไม่มีการพบการขยายพันธุ์ในลักษณะนี้กับสัตว์มีกระดูกสันหลัง(vertebrates)
  • โดยตัวเมียสามารถผลิตไข่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ สเปริ์ม จากตัวผู้ในการปฎิสนธิ
  • ด้วย การขยายพันธุ์แบบนี้ ทำให้ลูกจิ้งแหลนที่ถือกำเนิดขึ้นมาจะมียีน เหมือนตัวแม่ทุกประการ จึงเป็นเหมือนการทำสำเนาของจิ้งแหลนตัวแม่ออกมาทีเดียว
  • แต่จิ้งแหลนเหล่านี้ก็ยังคงมีเซ็กส์อยู่ แต่เป็นการมีเซ็กส์แบบหลอกๆ ระหว่างตัวเมียด้วยกัน ด้วยการเล้าโลมกอดรัดกัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการผลิตไข่ และตกไข่
  • นัก วิทยาศาสตร์ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับพวกมัน ว่าพวกมันสามารถปรับตัว หรือ วิวัฒนาการตัวเองให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรในเมื่อพวกมันไม่มีการ เปลี่ยนแปลงพันธุ์กรรมเลย
  • ส่วนกุญแจไขปริศนานี้อาจจะอยู่ที่พวกมัน ยังสามารถผสมพันธุ์กับจิ้งแหลนเพศผู้บางสายพันธุ์ได้ ซึ่งในบางครั้งทำให้เกิดลูกจิ้งแหลนที่มี โคโมโซมแบบ 3 คู่(triploid) ถ้าเป็นการถือกำเนิดแบบบริสุทธิ์นั้นจะเกิด โคโมโซมแบบ 2 คู่
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Cnemidophorus





วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย

ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย

          วันนี้จะขอเก็บเรื่องราวของ "ดอกไม้" มา ฝากกัน โดยเป็นเรื่องของดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลายคนคงจะเคยได้ยิน และรู้จักดอกไม้ชนิดนี้แล้ว ส่วนใครที่ยังไม่รู้ลองทายดูสิคะว่า คือดอกไม้อะไร??? ดอกไม้ที่ว่า คือ "ดอกบัวผุด"
          สำหรับบัวผุดเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง ที่ อาศัยน้ำเลี้ยงจากรากของพืชชนิดอื่น จะโผล่เฉพาะดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินให้เห็นระหว่างฤดูฝนหรือใน ระยะที่อากาศและพื้นที่ยังมีความชุ่มชื้นสูง คือ ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลำต้นของบัวผุดมีลักษณะเช่นไร มีการเกาะหรือเชื่อมติดกับพืชที่มันอาศัยอยู่อย่างไร
          ลักษณะของดอกบัวผุด เมื่อยังตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อหรือกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่มีกลีบหนา จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกจะมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง
          ดอกบัว ผุดเมื่อยังสดอยู่จะมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม กลีบดอกมีความหนาตั้งแต่ 0.5-1 เซนติเมตร นับว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในประเทศไทย ในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย เคยมีรายงานว่า พืชสกุลเดียวกันนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกมากกว่า 100 เซนติเมตร ก็มี
          จากผลสำรวจและวิจัย ของฝ่ายพฤษศาสตร์ กองบำรุง กรมป่าไม้ พบว่า บัวผุดพันธุ์ใหม่ ที่พบในประเทศไทยนี้ เป็นพืชกาฝากที่เกาะกินเฉพาะน้ำเลี้ยงจากรากของไม้เถาของว่านป่า "ย่านไก่ต้ม" เพียงชนิดเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในบางครั้งมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นดอกของย่านไก่ต้มซึ่ง ความจริงแล้วเถาย่านไก่ต้มเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์องุ่น (Vitidaceae) ที่มีเถาขนาดใหญ่พบขึ้นในป่าดิบชื้นทางภาคใต้ที่มีฝนตกอย่างสม่ำเสมอเกือบ ตลอดทั้งปี พื้นดินเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายตามหุบเขาหรือบริเวณริมลำธาร ดอกย่านไก่ต้มมีสีเขียวอมเหลืองขนาดโตประมาณ 2 เท่าของหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น
          จากการศึกษา พบว่า พันธุ์ไม้ตระกูลบัวผุด (Raffiesia) มีประมาณ 13-14 พันธุ์เท่านั้น บัวผุดที่พบในประเทศไทยได้รับการตั้งชื่อเป็นพันธุ์ของโลกเมื่อ พ.ศ.2527 โดย Dr.M.Meijer จากมหาวิทยาลัย Kentucky สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อพฤกษศาสตร์สากลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr.A.F.G.Kerr นายแพทย์ชาวไอริช ผู้สำรวจพันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2472
          ถึงแม้ว่าดอกบัวผุดจะมีกลิ่นเหม็นมากก็ตาม แต่เป็นพืชสมุนไพรที่หายากมากและมีคุณค่าสูง คือ นอกจากจะนิยมนำมาใช้ปรุงเป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอด ให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงมีผิวพรรณเปล่งปลั่งแล้วยังเป็นยาบำรุงสำหรับ บุรุษเพศอีกด้วย
          ในปัจจุบันดอกบัวผุดนับว่าจะหาดูได้ยากยิ่ง ทั้ง นี้เพราะเหตุว่า ป่าไม้ถูกทำลายลงไปอย่างมากทำให้สภาพนิเวศน์ของป่าเปลี่ยนไปมาก จะพบดอกบัวผุดบ้างเฉพาะตามอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเท่านั้น เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระยอง เป็นต้น
          ถึงแม้ "ดอกบัวผุด" จะเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว อย่างไรแล้วเสีย น่าจะให้ดอกไม้หายากอย่าง "ดอกบัวผุด" อยู่คู่ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มากกว่าที่จะนำออกมาขาย หรือเก็บออกมาเพียงเพราะความแปลก ที่อยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ข้อมูลและภาพประกอบจาก




40 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย

              อันดับ 1 นายเฉลียว อยู่วิทยา อายุ 76 ปี กลับมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของไทยอีกครั้งหนึ่งหลังจากยอดจำหน่ายกระทิงแดง เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่นายเฉลียว ร่วมกับนายดีทริช มาเตสชิทซ์ นักธุรกิจออสเตรียเริ่มผลิตขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ยอดขายเพิ่มจากปี 2547-2550 ถึงเกือบเท่าตัวเป็น 4,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 136,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 500 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 2 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้าง ฯลฯ ) ที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อปี 2549 ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมพลาซ่า แอทธินี่ และไอเอ็มเอ็ม อีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 3,900 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 3 ตระกูล "จิราธิวัฒน์" มีกิจการหลายอย่างตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก (ห้างเซ็นทรัล),อสังหาริมทรัพย์ ,โรงแรม เป็นต้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 2,800 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 4 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) อายุ 69 ปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ์ 2,000 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 5 นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานและซีอีโอของบริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี) และครอบครัว ทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 6 คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล และครอบครัว เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มูลค่าทรัพย์สินรวม 940 ล้านดอลลาร์ 

          อับดับ 7 นายวิชัย มาลีนนท์ และครอบครัว เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิร์ลด์ และไทยทีวีสีช่อง 3 มูลค่าทรัพย์สินรวม 880 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 8 นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์) และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 820 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 9 นายสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ในเนชั่น มัลติมีเดียมูลค่าทรัพย์สินรวม 580 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 10 นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 525 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 11 นายสรรเสริญ จุรางกูล ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 520 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 12 นายประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส มูลค่าทรัพย์สินรวม 515 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 13 นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัว ผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคม ดีแทค มูลค่าทรัพย์สินรวม 475 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 14 นายอิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผลและครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 470 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 15 วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร ,สปา ,โรงแรม มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ

ทักษิณ ชินวัตร


          อันดับ 16 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สิน รวม 400 ล้านดอลลาร์  ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย  แม้ว่าจะถูกอายัดทรัพย์ และหมดยุคเรืองอำนาจเพราะถูกกระทำรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ตัวเลขทางการเงินของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน 

          อันดับ 17 นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต มูลค่าทรัพย์สินรวม 390 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 18 นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท มูลค่าทรัพย์สินรวม 380 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 19 น.ส.นิชิต้า ชาห์ อายุน้อยที่สุดคือ 28 ปี สาวโสด เพียงรายเดียวจากทั้งหมด สืบทอดกิจการ พรีเชียส ชิปปิ้งจากบิดา ก่อนขยายออกไปสู่วงการแฟชั่นและเสื้อผ้าสำเร็จรูป มูลค่าทรัพย์สินรวม 375 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 20 นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี (ช่อง7) มูลค่าทรัพย์สินรวม 335 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 21 นางนันทา ชินธรรมมิตร เจ้าของกิจการน้ำตาลขอนแก่น มูลค่าทรัพย์สินรวม 330 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 22 นายประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของกิจการบางกอกแอร์เวยส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 245 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 23 คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้ มูลค่าทรัพย์สินรวม 210 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 24 นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้นบริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ในไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และทำงานอยู่กับเมอร์ริลล์ ลินช์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 200 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 25 นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย มูลค่าทรัพย์สินรวม 195 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 26 นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิงพาวเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี มูลค่าทรัพย์สินรวม 190 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 27 นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของกิจการสยาม ไวเนอรี่ ประธานบริษัทเรดบุล อังกฤษ และมีหุ้นอยู่ในบริษัท กระทิงแดง 2% มูลค่าทรัพย์สินรวม 185 ล้านดอลลาร์ อันดับ 

          อันดับ 28 นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัว ประธานกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น ที่มีบริษัทอยู่ในเครือมากกว่า 24 บริษัท มูลค่าทรัพย์สินรวม 180 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 29 นายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในกิจการบิ๊กซี ซุปเปอร์มาร์เก็ต รองประธาน เซ็นทรัลพัฒนา กิจการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ "จิราธิวัฒน์" มูลค่าทรัพย์สินรวม 177 ล้านดอลลาร์ 

          อันดับ 30 นายเพชร และรัตน์ โอสถานุเคราะห์ มีหุ้นอยู่ในโอสถสภาคนละ 20 เปอร์เซ็นต์ รายหลังดำรงตำแหน่ง ซีอีโอของบริษัทอีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 175 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 31 พรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผลจาก วิทยาผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 170 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 32 วิชา พูลวรลักษ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าทรัพย์สินรวม 165 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 33 นิจพร สรณจิต ผู้ถิอหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของเปรมชัย กรรณสูต เป็นประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี มูลค่าทรัพย์สินรวม 160ล้านดอลลาร์

          อันดับ 34 วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของกิจการนิคมอุตสาหกรรม อมตนคร มูลค่าทรัพย์สินรวม 145 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 35 พรเทพ พรประภา และครอบครัว เจ้าของกิจการสยามกลการ มีหุ้นอยู่ใน เอพีฮอนด้า และเอสพี ซูซูกิ มูลค่าทรัพย์สินรวม 140 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 36 ไกรสร ชาญสิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มูลค่าทรัพย์สินรวม 115 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 37 ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกลุ่มจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ มูลค่าทรัพย์สินรวม 110 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 38 ปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง มูลค่าทรัพย์สินรวม 100 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 39 สุเมธ ตันธุวณิช ผู้ก่อตั้ง รีเจอนัล คอนเทนเนอร์ ไลน์ กิจการเดินเรือ มูลค่าทรัพย์สินรวม 85 ล้านดอลลาร์

          อันดับ 40 มาลิณี กิตะพาณิช และครอบครัว สืบทอดสมบูรณ์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้เป็นสามี มูลค่าทรัพย์สินรวม 65 ล้านดอลลาร์